SF - Krislay Monodrama - SF - Krislay Monodrama นิยาย SF - Krislay Monodrama : Dek-D.com - Writer

    SF - Krislay Monodrama

    ที่รักผมไม่อยากปล่อยคุณไป ดังนั้นผมจึงเช็ดน้ำตา หายใจอย่างหนักหน่วง ทุบหน้าอกตัวเองไม่หยุด เพราะหัวใจผมปวดร้าว ความทรงจำแสนหวานไม่สามารถลบเลือน เพราะฉะนั้นผมไม่อยากจากมันไป ได้โปรดกุมมือผมไว้ อย่าไป

    ผู้เข้าชมรวม

    730

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    730

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    17
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 พ.ค. 59 / 03:08 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    [SF - monodrama]






    สิบวันของการทดลองแยกทางกัน ก่อนหน้านี้ผมกับอี้ฝานแฟนของผมทะเลาะกันอย่างหนักเหตุเพราะเราไม่เข้าใจกัน เราทั้งคู่เปลี่ยนไป ต่างคนต่างทำงานหนัก ไม่มีเวลาให้กันและกัน แต่กลับมีเวลาให้คนใกล้ตัวที่ทำงานด้วยกัน

                   

                    “บอกมาสิ ว่านี้คืออะไรอะพี่คริส มันเรื่องบ้าอะไร!!” อี้ชิงโยนแผ่นกระดาษหลายใบใส่อี้ฝานเต็มแรง มันคือภาพถ่ายจากมุมใดมุมหนึ่งดูเหมือนการแอบถ่าย ในภาพปรากฏคนสองคนกำลังแลกจูบกันอย่างดูดดื่มภายในรภคันหรู คนหนึ่งคืออี้ฝานส่วนอีกคน... ไม่ใช่อี้ชิง หล่อนเป็นผู้หญิงที่อี้ชิงพอจะคุ้นหน้าอยู่บ้าง เป็นคนในบริษัทของอี้ฝาน เป็นเลขาที่ไปไหนมาไหนด้วย คอยช่วยงานบ่อยๆ

                    “ไปเอามาจากไหน”

                    “ไม่สำคัญเลยพี่คริส พี่จูบกับคนอื่นที่ไม่ใช่อี้ พี่ทำแบบนี้ทำไม ทำแบบนี้ทำไม ฮึก.. ” อี้ชิงเริ่มทุบตีแผ่นอกอีกคนที่ยืนนิ่งอยู่เฉยๆ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอี้ฝานทำแบบนี้

                    “ที่ผ่านมาโกหกอี้ใช่มั้ย ไม่รักอี้แล้วใช่มั้ย”

                    “ไม่ใช่แบบนั้นอี้ ก็น้องเขายั่วก่อน แล้วพี่ไม่ค่อยได้อยู่กับเราด้วยไง”

                    “มันยั่วแล้วจำเป็นต้องสนองมั้ย ถ้าไม่ใช่พี่หื่นเอง”

                    “ใช่อี้ พี่หื่นเอง พอใจมั้ย”

                    “พี่ทำแบบนี้ทำไม พี่ทำแบบนี้ทำไม” แรงทุบตีเริ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ อี้ฝานตัดสินใจรวบมือคนตัวเล็กเอาไว้แต่อีกคนกลับดิ้นไม่ยอมอยู่นิ่งจนหลุดออกได้

     

                    เพี้ยะ!!!

     

                    เป็นอี้ฝานที่โดนตบจนหน้าหัน อี้ชิงไม่เคยตบเขาเลย..

                    “อี้ชิง!!!!!

                    และอี้ฝานก็ไม่เคยตะคอกใส่อี้ชิง..

    เสียงตะคอกทำให้อี้ชิงตกใจจนน้ำตาไหลออกมาหนักกว่าเดิม.

     

                    “พ..พี่คริส อ..อี้..ข..”

     

                    “เราห่างกันสักพักเถอะอี้” เหมือนหัวใจดวงน้อยถูกขวักออกมาแล้วโยนลงจากตึกสูงระฟ้า

     

                    “แปลว่าเลิกใช่มั้ย.. ไม่เอานะ..” มือน้อยๆรีบกอบกุมมืออีกคนไว้แน่นพร้อมสายตาอ้อนวอน

                    “พี่ขอเวลาสิบวัน ให้พี่คิดอะไรหน่อย และอี้ก็ควรคิดด้วย หลังจากวันนี้อีกสิบวัน เราไม่ใช่แฟนกัน” มือเล็กถูกแกะออก ร่างบางทรุดลงกับพื้นปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มพร้อมกับภาพชายที่รักกำลังเดินจากไป

     

     

                    อี้ฝานทิ้งให้ผมนอนร้องไห้มาสามคืน มันเป็นความผิดของผมเองที่รุนแรงแบบนั้น ก่อนหน้านี้ผมไม่มีเวลาให้เขาเลย ผมต้องทำงาน ทำงาน และทำงาน บินไปนั้นมานี่อยู่แทบทุกวัน ในขณะที่อี้ฝานก็ต้องดูแลบริษัท ผมเป็นนักร้องและนักแสดง ก่อนหน้านี้เราเคยทะเลาะกันเพราะผมรับบทเลิฟซีนโดยไม่บอกอี้ฝาน จนกระทั่งเขารู้ หลังจากนั้นผมก็ไม่รับงานแสดงอีก แต่งานเพลงก็เข้ามาเติมเต็มได้ตรงเวลาเกินไป ผมยังต้องบินไปนั่นมานี่อีกเพราะต้องโปรโมทเพลง และต้องทำเพลงกับรุ่นพี่ ซึ่งนั้นก็ทำให้อี้ฝานไม่พอใจที่เห็นผมเป็นข่าวกับรุ่นพี่บ่อยๆ

                    ตอนนี้ผมรู้ความรู้สึกของเขาแล้วล่ะ เพียงแต่คนละแบบ ของผมเป็นเรื่องเข้าใจผิด ไม่มีการกระทำใดๆจากคนทั้งสอง แต่ของอี้ฝานเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใจและมีการกระทำของคนทั้งสองอย่างชัดเจน

                    ผมนอนกอดตุ๊กตาตัวใหญ่อยู่บนพื้นพรมกลางห้อง ผมไม่กล้าขึ้นไปนอนบนเตียงเพราะจะหันไปทางงไหนก็ไม่เจอร่างหนาๆของเขาเลย ผมปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเปื้อนเจ้าตุ๊กตาให้เต็มที่ จนกว่าผมจะหลับไปเอง...

     

     

                    ประตูบานใหญ่ค่อยๆเปิดออกพร้อมร่างสูงที่เดินเข้ามาในห้อง อี้ฝานกลังจะเปิดไฟแต่ก็ต้องหยุดการกระทำเพราะเห็นร่างบางนอนอยู่กลางห้อง เขาแค่จะมาเอาของที่ลืมไว้เท่านั้น ไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกคนในสภาพแบบนี้ อี้ฝานนั่งลงข้างๆร่างบางที่หลับสนิท ค่อยๆลูบผมอีกคนอย่างบางมือ

     

                    “พี่ขอโทษนะ..”

     

     

     

     

     

                    เช้าวันต่อมาผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเหนื่อยล้า คงเพราใช้แรงไปกับการร้องไห้มากไปหน่อย ผมมองเจ้าตุ๊กตาที่ไม่รู้ว่าปล่อยจากอ้อมกอดของผมมาอยู่บนหัวได้ยังไง ผมคงละเมอดึงมันมาหนุน และคงละเมอดึงผ้าห่มบนโซฟาลงมาด้วย วันนี้เป็นวันที่สี่ที่ผมต้องใช้ชีวิตเหมือนคนโสด น่าเศร้าจริงๆที่อาหารเช้าของคนโสดอย่างผมคือขนมปังกับนม อาหารเที่ยงก็ยังเป็นขนมปังกับนม เย็นก็เป็นขนมปังกับนม เพราะผมกินอะไรไม่ได้เลยจริงๆ แต่ต้องกินเพราะมีคนเคยบอกไว้ว่า”ต่อให้ไม่หิว ไม่อยาก ก็ต้องกิน อย่างน้อยก็นมกับขนมปัง ดีกว่าป่วยแล้วกินอะไรไม่ได้เลย” นั่นเป็นคำพูดของอี้ฝาน

                   

                    ฝนตกทั้งวันจนกระทั่งตอนเย็น ผมนั่งมองบรรยากาศของฝนที่กำลังหยุดตก อี้ฝานไม่ชอบให้ผมตากฝนและนั่นคือเหตุผลที่ผมไม่อยากออกไปไหน แต่ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้วเหมือนเปิดโอกาสให้ได้ออกไปข้างนอก  

     

                    ผมนั่งอยู่ในร้านอาหารที่ไม่เคยมา บางทีการเปลี่ยนบรรยากาสอาจทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น

                    “รับอะไรดีครับ” พนักงานยิ้มต้อนรับผมและพร้อมที่จะรับออเดอร์

                    “ผมไม่เคยมาทานที่นี่ เลยไม่รู้ว่าควรจะสั่งอะไรดี”

                    “งั้นรับเป็นอาหารที่ทานง่ายๆก่อนละกันนะครับ ถ้าเจอของหนักๆแล้วไม่ชอบอาจจะเสียดายเงินแย่เลยเนอะ”

                    “ขอบคุณครับ”

     

                    “รับออเดอร์ด้วยค่ะ” พนักงานหันไปตามเสียงผู้หญิงที่เรียกเขาทำให้ผมได้เห็นแขกของร้านที่เข้ามาใหม่

     

                    อี้ฝานนั่งอยู่กับเลขาของเขาไม่ห่างจากโต๊ะผมนัก ผมแทบจะร้องไห้ออกมาเพียงแต่ไม่เหลือน้ำตาให้ร้องแล้ว

                    “ไม่ใช่แฟนสินะ..” ผมพึมพำออกมาเบาๆ

                    “ว่าไงนะครับ” พนักงานคนเดิมหันมาถามผม

     

     

                    “มีเหล้ามั้ยครับ”

     

     

     

                    อี้ชิงคิดว่าการดื่มจะทำให้เขาลืมอะไรไปได้ ใช่ มันทำให้อี้ชิงลืม ลืมว่าตัวเองคออ่อนมากแค่ไหน ตอนนี้ร่างบางฟุบลงกับโต๊ะ เพียงไม่กี่แก้วก็ทำให้โลกทั้งใบของเขาหมุนกลับไปกลับมาได้

                    “อี้ชิง กลับบ้าน”

                    “ใครอ่า.. เสียงคุ้นจางงง..” เสียงที่คุ้นหูดังอยู่ข้างๆ

                    “......” ไม่เสียงตอบรับ มีเพียงแรงดึงที่พยายามประคองเขาขึ้นจากโต๊ะ อี้ชิงหันมองคนที่ประคองตนอยู่แต่ก็มองไม่ชัด ลิทธิ์แอลกอฮอลส่งผลให้เขาขาดสติจนเห็นคนข้างๆเป็นอี้ฝานงั้นเหรอ

                    “ปล่อยอี้.. ทิ้งอี้ไปแล้วนิ่..”

                    “.....”

                    “บอกให้ปล่อยงายยยยย”

                    “ที่ช่วยเพราะไม่อยากให้ใครมาเห็นสภาพนักร้องชื่อดังเมาเหมือนหมาแบบนี้” จบประโยคแทบทำอี้ชิงส่างเมา แต่ไม่

                    “มาวเพราะรักไง รักมากด้วย”

                    “....”

                    “มันเจ็บรู้มั้ย มัน เจ็บ ตรงนี้” อี้ชิงทุบอกตัวเองไม่เบานักจนคนข้างๆรวบมือไว้

                    “มันเจ็บมากเลยนะ ฮึก..มันเจ็บมากๆเลย.. มันเจ็บอ่า” อี้ชิงซบหน้ากับอกกว้างจนร่างกายทนลิทธิ์แอลกอฮอลไม่ไหวแล้วหลับไป....

     

     

     

                    “อี้ชิง”

                    “อือออออออออ”

                    “จางอี้ชิง”

                    “อื้อออออออออออออ”

                    “อี้ชิง!!!!

                    “อือๆๆๆๆๆๆ ตื่นแล้วๆ” ผมพยายามลืมตาที่แสนจะหนักอึ้ง เมื่อลืมตาขึ้นมาได้ก็พบว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องของผม

                    “ที่หนายอ่า” ผมมองไปรอบๆห้องจนรู้สึกคุ้นตา

                    “อ๊ะ นี่มันห้องพี่เสี่ยวจูนิ่”

                    “ก็ใช่น่ะสิ”

                    “แล้วผมมาที่นี่ได้ไงอะ”

                    “ไม่รู้เหมือนกัน พี่กลับจากถ่ายหนังมาก็เจอเรานอนอยู่แล้วเนี่ย”

                    “อ้ออออออออ ผมหลับไปนานมั้ยอ่า”

                    “หนึ่งวันเต็ม”

                    “ห๊ะ จริงเหรอพี่ โอ๊ยยยยยยย” สีหน้าจริงจังบ่งบอกถึงความจริงว่าผมหลับเป็นหนึ่งวันเต็มๆ ผมคงเมามากจริงๆ ผมเล่าเรื่องราวทั้งหมดในพี่เสี่ยวจูฟัง พี่เขากอดผมและลูบหลังเบา พี่เขาปลอบใจผมสารพัด หาอะไรให้ผมทำแก้เหงาและอยู่ข้างๆไม่ใช่ผมคิดมาก ผมใช้เวลาที่มีอยู่ไปกับการแต่งเพลง จนกระทั่งวันนี้มาถึง

                    วันที่สิบ...

     

                    “สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยู่กับนักร้องชื่อดัง จางอี้ชิง” เสียงปรบมือดังขึ้นหลังจากพิธิกรเอ่ยชื่อนักร้องชื่อดังออกมา อี้ชิงโค้งให้ทุกคนแล้วโบกมือให้แฟนคลับ

                    “วันนี้เป็นรายการสดแล้วยังถ่ายทำนอกสถานที่อีก รู้สึกยังไงบ้างคะ” พิธิกรสาวสั่งคำถามแรกมาพร้อมกับสีหน้าสดใส

                    “ดีครับ เป็นครั้งแรกเลยฮะ ปกติจะถ่ายในสตูแบบนี้ก็ดีนะครับ ได้เจอแฟนคลับแบบใกล้ชิดมากๆด้วย”

                    “ค่ะ แล้ววันนี้ได้ข่าวว่ามีเพลงใหม่มาฝากด้วยใช่มั้ยคะ”

                    “ใช่ครับ แป็นเพลงที่ผมแต่งขึ้นมาจากความรู้สึกเลยล่ะ หวังว่าจะส่งมันไปผ่านเสียงเพลงได้นะครับ”

                    “ว้าว ให้คนสำคัญหรือเปล่าคะเนี่ย”

                    “ให้ทุกคนแหละครับ เผื่อมีคนที่ความรู้สึกเดียวกันกับผม และสำหรับคนสำคัญของผมด้วย ถ้าเขาได้ฟังนะ ผมไม่กล้าแม้แต่จะพูดออกไป ก็เลยเรียบเรียงมันออกมาเป็นเพลงน่ะครับ”

                    “ค่ะ งั้นอย่ารอช้าเนอะ เชิญรับฟังน้ำเสียงเพราะๆ เพลงซึ้งๆ Monodrama จาก จางอี้ชิงค่ะ”

     

                    ทันทีที่พิธิกรเปิดทางให้ผม ผมสูบลมหายใจเข้าแล้วผอนมันออกมา ผมร้องท่อนฮุคของเพลงส่งความรู้สึกทั้งหมดผ่านเสียงร้องและเนื้อเพลงของผม สมองและหัวใจส่งให้ผมมองใครสักคนเป็นอี้ฝาน คนที่ผมมอบเพลงนี้ให้

     

    ที่รักผมไม่อยากปล่อยคุณไป

    ดังนั้นผมจึงเช็ดน้ำตา

    หายใจอย่างหนักหน่วง ทุบหน้าอกตัวเองไม่หยุด

    เพราะหัวใจผมปวดร้าว

    ความทรงจำแสนหวานไม่สามารถลบเลือน

    เพราะฉะนั้นผมไม่อยากจากมันไป

    ได้โปรดกุมมือผมไว้

    อย่าไป...”

     

                    หลังจากจบการถ่ายทอดสด อี้ชิงไม่รู้จะทำอะไรหรือไปไหน เขากลับมาที่ห้องแล้วพบกับชายร่างสูงที่เขาโหยหามาตลอดสิบวัน อี้ฝานอยู่ในชุดที่เขามองเห็นในขณะร้องเพลง อี้ฝานอยู่ที่นั่น...

     

                    “ได้ฟังแล้วเหรอครับ..”

                    “...”

                    “อี้ขอโ.. อื้อออ” คำพูดถูกกลืนหายไปกับจูบที่แสนอ่อนโยนจากคนตรงหน้า

                    “พี่ขอโทษนะ.. อิ้ชิง” อี้ฝานกอดร่างบางตรงหน้าไว้แน่น

                    “พี่..”

                    “ฟังพี่นะครับ” มือหนาลูบผมอีกคนเบาๆ

                    “วันนั้นพี่ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยมากไปกว่าจูบ พี่คิดถึงอี้ คิดถึงมากๆจนหน้ามืดตามัวเผลอไผลไปกับสัมผัสแบบนั้น ตี่ก็ดึงตัวเองกับมาได้ พี่ไม่รู้ว่าอี้ไปกับรูปพวกนั้นมาจากไหนมันทำให้พี่โมโหที่อี้ไม่ไว้ใจ พี่ไม่อยากเห็นอี้นอนกับพื้น พี่ไม่อยากเห็นอี้เมาไม่รู้เรื่อง พี่ขอโทษ”

                    “พี่รู้เหรอครับ..”

                    “อื้ม รู้สิ”

                    “งั้นวันนั้น.. พี่เองเหรอ”

                    “วันนั้นคุณหลินเขาอยากเลี้ยงข้าวเพื่อขอโทษพี่ เราไม่มีอะไรกันเลยอี้ชิง เชื่อพี่มั้ยครับ” อี้ชิงเงยหน้ามองอีกคนพบกับใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาและรอยยิ้ม อี้ชิงไม่ตอบอะไร เขย่งปลายเท้าให้สูงเท่าอีกคนแล้วประทับริมฝีปากลงที่กลีบปากเบาๆ

                    “อี้รักพี่คริสครับ”

                    “ไม่ได้ถามว่ารักมั้ยซะหน่อย”

                    “อี้รักอี้คริสครับ” ทั้งคู่ยิ้มให้กันและกัน

                    “อี้รักพี่คริสครับ”

     

                    “พี่ก็รักอี้ครับ รักที่สุดเลย”




    ขอขอบคุณความหมายของเนื้อเพลงท่อนฮุคจาก @fr0zen3 นะคะ

    ฟิคสั้นเรื่องนี้แต่งขั้นเพราะเป็นฟิลลิ่งของไรท์เองนะจ๊ะ ไม่เกี่ยวกับเรื่องราวจริง

    เห็นในทวิตอวยคริสเลย์ๆเลยเอาบ้าง ฮ่าๆๆๆ หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ

    สำหรับฟิคคบกับบอท เดี๋ยวลงให้นะคะ อย่าเพิ่งขาดใจ และนี้อี้พี่หมูหวานด้วยนะ

    เรื่องนี้ตอนแรกว่าจะให้จบแบบเจ็บๆตามเพลง แต่ไม่อยากทำร้ายคนอ่านอะ ฮ่าๆๆ


    สุดท้ายนี้ ถ้าชอบไม่ชอบก็ฝากคอมเม้นด้วยนะคะ

    พูดคุยกันได้ที่@ChiraXing @AumzK หรือไอดีไลน์ howtoxing

    อยากให้มาแลกเปลี่ยนความคิดกันน่ะนะ ชอบแบบไหนก็บอกมาได้เลย 

    ฝันดีค่ะ รู้สึกว่าไรท์จะตาอักเสบละตอนนี้ ฮือออออออออ


    ปล. ปั่นวิวให้ชิงด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


    -Zhangbie-









    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×